วันพฤหัสบดีที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2561

โดนโกงที่ดิน จ่ายเงินครบแล้ว เจ้าของไม่โอนที่ดิน

ตุลาคม 25, 2561 0

สัญญาจะซื้อจะขายที่ดิน



           สวัสดีครับ คราวนี้ผมจะเล่าประสบการณ์สู่กันฟังนะครับ
ผมได้รับคดีที่ดินมาคดีหนึ่ง ซึ่งถือได้ว่าเป็นคดีที่ค่อนข้างจะน่าปวดหัวเสียทีเดียว
           ผมได้รับการติดต่อจากลูกความรายหนึ่งเป็นผู้หญิงครับ เค้าโทรมาหาผมแจ้งว่า ทนายๆช่วยพี่ด้วย ผมก็ฟังแกเล่าไปทั้งน้ำตาน่ะครับ เรื่องมีอยู่ว่า
น้องสาวแกไปซื้อที่ดินมาจากเจ้านาย เจ้านายก็ขายห้ นราคา 500,000 บาท โดยได้ทำสัญญาจะซื้อจะขายกันไว้ เป็นชื่อ น้องสาวแก และ ชื่อของเจ้าของที่ดิน เป็นที่ดินพร้อมอาคารพาณิชย์ (แต่อาคารพาณิชย์โทรมมากแล้ว เมื่อประมาณ 10 ปีก่อน) โดยน้องสาวแกได้ชำระเงินไปครบถ้วนแล้ว แต่หลักฐานมีเพียง นสัญญาที่ระบุว่าชำระเงินมัดจำจำนวน 40,000 บาท ซึ่งเจ้าของที่ดินก็ไม่ยอมไปโอนที่ดิน ห้อ้างว่า โฉนดหาย รอ ห้ออกโฉนด  หม่ได้ก่อน จะโอน ห้                 ต่อมาน้องสาวแกก็เสียชีวิตครับ แกก็พยายามติดต่อกับเจ้าของที่ดิน ห้มาโอนที่ดิน ห้ ปรากฎว่าเจ้าของที่ดินก็ยังไม่โอน ห้ ก็บอกเหมือนเดิมครับ โฉนดหาย รอออก  หม่ก่อน ลูกความผมแกก็ร้อน จ เลยบอกเจ้าของที่ดินงั้นทำหนังสือมอบอำนาจ ห้แกไปออกโฉนดเองก็ได้ แกจะไปทำ ห้ เจ้าของที่ดินก็ทำ ห้ครับ ก็เลยทำหนังสือมอบอำนาจ                    พอแกนำหนังสือมอบอำนาจไปที่ ที่ดิน เพื่อขอออกโฉนด  หม่ ปรากฎว่าเจ้าหน้าที่ที่ดิน แจ้งว่าหนังสือมอบอำนาจไม่สมบูรณ์ เนื่องจากที่ดินเป็นชื่อบริษัท หนังสือมอบอำนาจจะต้องมีตราประทับด้วย                 หลังจากนั้นแกก็ติดต่อเจ้าของที่ดินไม่ได้อีกเลย จนกระทั้งเมื่อต้นปี 2561 เจ้าของที่ดินประกาศขายที่ดิน และ ห้คนมาไล่แกออกจากบ้านและที่ดิน เดือดร้อนเลยครับทีนี้                     มีประเด็นกฎหมายและข้อเท็จจริงที่จะต้องแก้กันอยู่ดังนี้             1 หลักฐานชำระเงินไม่ครบถ้วน              2 สัญญาจะซื้อจะขาย จะบังคับ ช้ได้หรือไม่ เพราะชื่อผู้ขายเป็นบุคคลธรรมดา แต่หลังโฉนดเป็นชื่อนิติบุคคล                  ผมจึงตั้งรูปคดีว่า เจ้าของที่ดินเป็นกรรมการบริษัท และประกอบอาชีพซื้อขายที่ดินเป็นปกติอยู้แล้ว และ เรื่องหลักฐานการชำระเงิน แม้ นสัญญาจะซื้อจะขายระบุว่าชำระเงินมัดจำเพียง 40,000 บาท ส่วนที่ชำระครบถ้วนแล้วไม่มีหลักฐานอะไรเลยนั้น ผมนำสืบเรื่องที่เจ้าของที่ดินได้มอบอำนาจ ห้ลูกความผมไปออกโฉนดที่ดิน ถ้าชำระยังไม่ครบถ้วน เจ้าของที่ดินก็ไม่น่าที่จะทำมอบอำนาจไว้ ห้ เพราะไม่มีเหตุอะไรที่จะต้องมอบอำนาจ ห้ไปออกโฉนด จึงน่าเชื่อได้ว่าชำระไปครบถ้วนแล้ว                   หลังจากผ่านกระบวนการสืบพยานเสร็จแล้ว วันฟังคำพิพากษาศาล ปรากฎว่าศาลอ่านคำพิพากษาว่า ศาลเชื่อว่าลูกความได้ชำระเงินไปครบถ้วนแล้ว ตามสาเหตุที่ผมนำสืบเลยครับ คือ น่าเชื่อได้ว่าชำระเงินไปครบถ้วนแล้ว เพราะไม่มีเหตุอะไรที่เจ้าของที่ดินจะทำหนังสือมอบอำนาจ ห้ไปออกโฉนดที่ดินแทน                  พอฟังคำพิพากษาเสร็จเท่านั้นแหละครับ แกน้ำแตกเลยครับ ผมจึงถามว่าเป็นอะไร แกจึงบอกว่า ขอบคุณมากๆเลยค่ะ ถ้าไม่มีทนายคงไม่มีบ้านอยู่แล้ว เพราะแกอยู่กับพ่อซึ่งก็แก่มากแล้ว แกทำงานคนเดียวเงินเดือนไม่มาก ผมได้ฟังก็รู้สึกมีกำลัง  นการทำงานมากขึ้นและรู้สึกดีที่ได้ช่วยแกไว้



ทนายอิศรา เจริญพิทยา
0847046529

Credit pic : https://www.google.com/search?q=%E0%B9%82%E0%B8%81%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%99&source=lnms&tbm=isch&sa=X&ved=0ahUKEwjy7-3P8qHeAhVFcCsKHUg3B7YQ_AUIDigB&biw=1366&bih=626#imgrc=5hS56nqo5tHChM:

วันพฤหัสบดีที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

กรกฎาคม 12, 2561 0
กฎหมายยาเสพติดควรรู้
ยาเสพติด หมายถึง สารหรือยาชนิดใด ๆ หรือยาที่อาจเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากธรรมชาติ หรือจากการสังเคราะห์ ซึ่งเมื่อเสพเข้าสู่ร่างกาย ไม่ว่าจะโดยการกิน ดม สูบ ฉีด หรือด้วยวิธีการใด ๆ แล้วจะทำให้เกิดผลต่อร่างกายสมองและจิตใจ
กฎหมายแบ่งประเภทยาเสพติด ในทางกฎหมาย สิ่งที่ถือว่าเป็นยาเสพติดนั้นจะต้องมีกฎหมายกำหนดไว้อย่างชัดเจน หากไม่มีกฎหมายระบุไว้ สิ่งนั้นก็ไม่ใช่ยาเสพติด แม้ว่าสิ่งที่เสพนั้นจะมีฤทธิ์ที่ทำให้เกิดการเสพติดได้ก็ตาม เช่น บุหรี่ สุรา
พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 ได้แบ่งยาเสพติดให้โทษ (มาตรา7) ออกเป็น 5 ประเภทด้วยกัน ดังนี้
q ประเภทที่ 1 ยาเสพติดให้โทษชนิดร้ายแรง มี 38 รายการที่สำคัญ คือ เฮโรอีน แอมเฟตามีน แมทแอมเฟตามีน เอ็กซ์ตาซี และแอลเอสดี
q ประเภทที่ 2 ยาเสพติดให้โทษทั่วไป มี 102 รายการที่สำคัญ คือ ใบโคคา โคคาอีน โคเดอีน ยาสกัดเข้มข้นของต้นฝิ่นแห้ง เมทาโดน มอร์ฟีน ฝิ่นยา (ฝิ่นที่ผ่านกรรมวิธีปรุงแต่งเพื่อใช้ในทางยา) ฝิ่น (ฝิ่นดิบ ฝิ่นสุก มูลฝิ่น)
q ประเภทที่ 3 ยาเสพติดให้โทษที่มีลักษณะเป็นต้นตำรับยาและมียาเสพติดให้โทษประเภท 2 ผสมอยู่ คือ ยารักษาโรคที่มียาเสพติด ประเภท 2 เป็นส่วนประกอบอยู่ในสูตร เช่น ยาแก้ไอ ยาแก้ท้องเสีย
q ประเภทที่ 4 สารเคมีที่ใช้ในการผลิตยาเสพติดให้โทษประเภท 1 หรือ 2 มี 32 รายการที่สำคัญ เช่น อาเซติค แอนไฮไดรด์ , อาเซติค คลอไรด์
q ประเภทที่ 5 ยาเสพติดให้โทษที่ไม่เข้าอยู่ในประเภท 1 ถึง 4 มี 4 รายการ คือ กัญชา พืชกระท่อม พืชฝิ่น ทุกส่วนของพืชกัญชา ทุกส่วนของพืชกระท่อม และพืชเห็ดขี้ควาย
ข้อหา
ยาเสพติดให้โทษประเภท1
ยาเสพติดให้โทษประเภท2
ผลิตน้ำเข้าส่งออก
-จำคุกตลอดชีวิต (ม.65ว.1)
-ถ้ากระทำเพื่อจำหน่าย ประหารชีวิต (ม.65ว.2)
-คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ 20 กรัม ขึ้นไป ถือว่ากระทำเพื่อจำหน่าย (ม.15)
-จำคุก 1-10 ปีและปรับ 10,000 บาท (ม.68)
-ถ้าเป็นมอร์ฟีน ฝิ่น หรือโคคาอีน จำคุก 20 ปี ถึงตลอดชีวิต และปรับ 200,000-500,000 บาท(ม.68)
จำหน่ายครอบครองเพื่อจำหน่าย
-คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ไม่เกิน 100 กรัมจำคุก 5 ปี ถึงตลอดชีวิต และปรับ 50,000-500,000 บาท (ม.66ว.1)
-คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์เกิน 100 กรัม จำคุกตลอดชีวิต หรือประหารชีวิต (ม.66ว.2)
-จำคุก 1-10 ปี และปรับ 10,000 บาท-100,000 บาท(ม.69ว.2)
-ถ้าเป็นมอร์ฟีน ฝิ่น หรือโคคาอีน คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ไม่เกิน 100 กรัม จำคุก 3-20 ปี และปรับ 30,000-200,000 บาท ถ้าคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์เกินกว่า 100 กรัม จำคุก 5 ปี ถึงตลอดชีวิต และปรับ 50,000-500,000 บาท(ม.69ว.4)
ครอบครอง
-คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ไม่ถึง 20 กรัม จำคุก 1-10 ปี และปรับ 10,000-100,000บาท (ม.67)
-คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ 20 กรัมขึ้นไป ถือว่าครอบครองเพื่อจำหน่าย (ม.15)
-คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ไม่เกิน 100 กรัม จำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 50,000 บาท (ม.69ว.1)
-คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ 100 กรัม ขึ้นไป ถือว่าครอบครองเพื่อจำหน่าย (ม.17)
เสพ
-จำคุก 6 เดือน ถึง 10 ปีและปรับ 5,000-100,000 บาท (ม.91)
-จำคุก 6 เดือน ถึง 10 ปีและปรับ 5,000-100,000 บาท (ม.91)
ใช้อุบายหลอกลวงขู่เข็ญ ใช้กำลัง ประทุษร้ายฯ
-จำคุก 1-10ปี และปรับ 10,000-100,000บาท (ม.93)
-กระทำโดยมีอาวุธหรือร่วมกัน 2 คนขึ้นไป จำคุก 2-15 ปี และปรับ 20,000-150,000บาท
-ถ้ากระทำต่อหญิงหรือต่อผู้ยังไม่บรรลุนิติภาวะ หรือเพื่อจูงใจให้ผู้อื่นกระทำความผิดอาญา หรือเพื่อประโยชน์ในการกระทำความผิดอาญา จำคุก 3 ปี ถึงตลอดชีวิต และปรับ 30,000-500,000บาท
-จำคุก 1-10ปี และปรับ 10,000-100,000บาท (ม.93)
-กระทำโดยมีอาวุธหรือร่วมกัน 2 คนขึ้นไป จำคุก 2-15 ปี และปรับ 20,000-150,000บาท
-ถ้ากระทำต่อหญิงหรือต่อผู้ยังไม่บรรลุนิติภาวะ หรือเพื่อจูงใจให้ผู้อื่นกระทำความผิดอาญา หรือเพื่อประโยชน์ในการกระทำความผิดอาญา จำคุก 3 ปี ถึงตลอดชีวิต และปรับ 30,000-500,000บาท
ให้ผู้อื่นเสพ
-ถ้าเป็นมอร์ฟีน หรือโคคาอีน ระวางโทษเพื่มกึ่งหนึ่ง (ม.93ว.4)
-ถ้าเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท1 ต้องระวางโทษเป็น 2 เท่า และถ้าเป็นการกระทำต่อหญิงหรือบุคคลซึ่งยังไม่บรรลุนิติภาวะต้องระวางโทษประหารชีวิต (ม.93ว.5)
-ถ้าเป็นมอร์ฟีน หรือโคคาอีน ระวางโทษเพื่มกึ่งหนึ่ง (ม.93ว.4)
-ถ้าเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท1 ต้องระวางโทษเป็น 2 เท่า และถ้าเป็นการกระทำต่อหญิงหรือบุคคลซึ่งยังไม่บรรลุนิติภาวะต้องระวางโทษประหารชีวิต (ม.93ว.5)
ยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นเสพ
-จำคุก 1-5 ปี และปรับ 10,000-50,000 บาท (ม.93ทวิ)
-จำคุก 1-5 ปี และปรับ 10,000-50,000 บาท (ม.93ทวิ)

ข้อหา
ยาเสพติดให้โทษประเภท3
ยาเสพติดให้โทษประเภท4
ผลิตนำเข้า
-จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 30,000บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (ม.70)
-จำคุกตั้งแต่ 1-10ปี และปรับ10,000-100,000 บาท (ม.73)
ส่งออกจำหน่าย
-จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (ม.71)
-จำคุกตั้งแต่ 1-10ปี และปรับ10,000-100,000 บาท (ม.73)
ครอบครองเพื่อจำหน่าย
-
-จำคุกตั้งแต่1-10ปี และปรับ10,000-100,000 บาท (ม.74ว.2)
ครอบครอง
-
-จำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 50,000 บาท (ม.74)
-ถ้า 10 กก.ขึ้นไป ถือว่าครอบครองเพื่อจำหน่าย (ม.26ว.2)
เสพ
-
-
ใช้อุบายหลอกลวง ขู่เข็ญ ใช้กำลัง ประทุษร้ายฯ ให้ผู้อื่นเสพ
-จำคุก 1-10ปี และปรับ 10,000-100,000 บาท(ม.93)
-ถ้ากระทำโดยมีอาวุธหรือร่วมกัน 2 คนขึ้นไป จำคุก 2-15 ปี และปรับ 20,000-150,000 บาท (ม.93ว.2)
-ถ้ากระทำผิดต่อหญิงหรือต่อผู้ไม่บรรลุนิติภาวะ หรือเพื่อจูงใจให้ผู้อื่นกระทำความผิดอาญา หรือเพื่อประโยชน์ในการกระทำความผิดอาญา จำคุก 3 ปี ถึงตลอดชีวิต และปรับ 30,000-500,000 บาท (ม.93ว.3)
-จำคุก 1-10ปี และปรับ 10,000-100,000 บาท(ม.93)
-ถ้ากระทำโดยมีอาวุธหรือร่วมกัน 2 คนขึ้นไป จำคุก 2-15 ปี และปรับ 20,000-150,000 บาท (ม.93ว.2)
-ถ้ากระทำผิดต่อหญิงหรือต่อผู้ไม่บรรลุนิติภาวะ หรือเพื่อจูงใจให้ผู้อื่นกระทำความผิดอาญา หรือเพื่อประโยชน์ในการกระทำความผิดอาญา จำคุก 3 ปี ถึงตลอดชีวิต และปรับ 30,000-500,000 บาท (ม.93ว.3)
ข้อหา
ยาเสพติดให้โทษประเภท 5
ไม่รวมพืชกระท่อม
ยาเสพติดให้โทษประเภท 5
เฉพาะพืชกระท่อม
ผลิตนำเข้า ส่งออก จำหน่าย
-จำคุกตั้งแต่ 2-15 ปี และปรับ 20,000-150,000 บาท (ม.75ว.1)
-จำคุกไม่เกิน 2 ปี และปรับไม่เกิน 20,000 บาท (ม.75ว.2)
ครอบครองเพื่อจำหน่าย
-จำคุกตั้งแต่ 2-15 ปี และปรับ 20,000-150,000 บาท (ม.76ว.2)
-จำคุกไม่เกิน 2 ปี และปรับไม่เกิน 20,000 บาท (ม.76ว.4)
ครอบครอง
-จำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 50,000 บาท (ม.76 ว.1)
-ถ้า 10 กก.ขึ้นไป ถือว่าครอบครองเพื่อจำหน่าย (ม.26ว.2)
-จำคุกไม่เกิน 1 ปี และปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (ม.76ว.3)
-ถ้า 10 กก.ขึ้นไป ถือว่าครอบครองเพื่อจำหน่าย (ม.26ว.2)
เสพ
-จำคุกไม่เกิน 1 ปี และปรับไม่เกิน 10,000 บาท (ม.92ว.1)
-จำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท (ม.92ว.2)
ใช้อุบายหลอกลวง ขู่เข็ญ ใช้กำลัง ประทุษร้ายฯ ให้ผู้อื่นเสพ
-จำคุก 1-10 ปี และปรับ 10,000-100,000 บาท (ม.93)
-ถ้ากระทำต่อหญิงหรือต่อผู้ไม่บรรลุนิติภาวะ หรือเพื่อจูงใจให้ผู้อื่นกระทำความผิดอาญา หรือเพื่อประโยชน์ในการกระทำความผิดอาญา จำคุก 3 ปี ถึงตลอดชีวิต และปรับ 30,000-500,000 บาท
-จำคุก 1-10 ปี และปรับ 10,000-100,000 บาท (ม.93)
-ถ้ากระทำต่อหญิงหรือต่อผู้ไม่บรรลุนิติภาวะ หรือเพื่อจูงใจให้ผู้อื่นกระทำความผิดอาญา หรือเพื่อประโยชน์ในการกระทำความผิดอาญา จำคุก 3 ปี ถึงตลอดชีวิต และปรับ 30,000-500,000 บาท
ยุยงส่งเสริม ให้ผู้อื่นเสพ
-จำคุกไม่เกิน 1 ปี และปรับไม่เกิน 10,000 บาท (ม.93 ทวิ ว.2)
-จำคุกไม่เกิน 1 ปี และปรับไม่เกิน 10,000 บาท (ม.93 ทวิ ว.2)
พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิด เกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534
วัตถุประสงค์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด โดยเฉพาะการมุ่งเอาผิดต่อผู้ค้ายาเสพติด ระดับนายทุน และตัวการสำคัญที่อยู่เบื้องหลังการกระทำความผิด และริบทรัพย์สินที่ได้รับมาจากการค้ายาเสพติด เพื่อขจัดแหล่งเงินทุนในการกระทำความผิดที่เกี่ยวกับยาเสพติด
ทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องการกระทำความผิดที่เกี่ยวกับยาเสพติดและศาลสั่งริบ ให้ตกเป็นของ “กองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติด” เพื่อนำทรัพย์สินที่ได้ไปใช้ประโยชน์ในการแก้ไขปัญหายาเสพติดต่อไป
ข้อคิดสำหรับผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด
“ ไม่ว่าจะได้รับทรัพย์สินเงินทองมากเท่าใดจากการผลิต การค้ายาเสพติด ไม่ว่าจะเปลี่ยนแปลงสภาพทรัพย์สิน หรือโอนไปอยุ่ในชื่อของใครก็ตาม เช่น ลูกเมีย ญาติพี่น้อง หรือคนใกล้ชิด หากไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า ทรัพย์สินเหล่านั้นได้มาอย่างบริสุทธิ์ ศาลจะสั่งริบทรัพย์สินนั้นให้ตกเป็นของ “กองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติด”ต่อไป และยังต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ในคุกอีกด้วย “
อัตราการจ่ายเงินสินบนเงินรางวัลคดียาเสพติด
ผู้ที่แจ้งข่าวสารยาเสพติด แก่เจ้าหน้าที่จนสามารถจับกุมผู้กระทำผิด และของกลางยาเสพติดได้ ผู้แจ้งความนำจับจะได้รับเงินค่าตอบแทนการแจ้งข่าวนำจับ เรียกว่า “เงินสินบนเงินรางวัล” ซึ่งมีอัตราการจ่ายเงินตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจ่ายเงินสินบนเงินรางวัลคดียาเสพติด พ.ศ.2537 ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ดังนี้
1. เฮโรอีน กรัมละ 10 บาท
2. มอร์ฟีน กรัมละ 4 บาท
3. ฝิ่น ฝิ่นยา (มอร์ฟีน) กรัมละ 4 บาท
4. กัญชา กรัมละ 0.02 บาท
5. ยางกัญชา หรือกัญชาน้ำ กรัมละ 10 บาท
6. อาเซติค แอนไฮไดรด์ กรัมละ 10 บาท
7. อาเซติค คลอไรด์ กรัมละ 10 บาท
8. อีเทอร์ คลอโรฟอร์ม กรัมละ 3 บาท
9. แอมเฟตามีน หรือ เมทแอมเฟตามีน (ยาบ้า)
ชนิดผง กรัมละ 20 บาท
ชนิดเม็ด คดีไม่เกิน 10 เม็ด จ่าย 200 บาท
คดี 11-500 เม็ด จ่ายไม่เกิน 5,000 บาท
คดี 501 เม็ด จ่าย 5,000 บาท
ส่วนที่เกิน 500 เม็ด ๆละ 3 บาท
แต่รวมแล้วไม่เกิน 20,000 บาท
10. ยาเสพติดอื่น ๆ (ยกเว้นพืชกระท่อม) กรัมละ 3 บาท
ทนายอิศรา เจริญพิทยา 
สำนักงานกฎหมายทนายประชาธรรม
099-7450205 , 084-7046529

วันอาทิตย์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

เด็กผู้เยาว์กระทำความผิดใครต้องรับผิดชอบ

พฤษภาคม 06, 2561 0
เด็กหรือผู้เยาว์กระทำความผิด ใคร!ต้องร่วมรับผิดด้วย

 "เด็ก เยาวชน ผู้เยาว์" หมายถึง บุคคลซึ่งมีอายุต่ำกว่า   สิบแปดปีบริบูรณ์ แต่ไม่รวมถึงผู้ที่บรรลุนิติภาวะด้วยการสมรส (หมายความว่าหากเด็กต่ำกว่า18 ได้สมรสกันถูกต้องตามกฏหมายก็จะไม่เป็นเด็กอีกต่อไป)

ดังนั้น เมื่อหากเด็กและเยาวชนได้กระทำความผิดทางกฎหมาย ต้องได้รับโทษเท่าเทียมกับผู้ใหญ่ที่กระทำความผิดนั้นๆหรือไม่??

ดังนั้นสำหรับเด็ก และเยาวชนนั้น มีกฏหมายว่าด้วยการคุ้มครองเด็ก เพื่อดำเนินการคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กไว้เป็น การเฉพาะที่แตกต่างจากผู้ใหญ่ โดยศาลอาจจะไม่ลงโทษเด็ก หรืออาจลงโทษน้อยกว่าที่กฏหมายกำหนด หรืออาจจะใช้มาตรการอื่นแทนการลงโทษก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความร้ายแรงของการทำความผิด และช่วงอายุของเด็กที่กฏหมายกำหนดไว้โดยเฉพาะ  หากเด็กอายุ 5 ขวบกับเด็กอายุ 17ปี ทำผิดต้องได้รับโทษเท่ากันหรือไม่อย่างไร?
ตอบ: คงต้องดูถึงวุฒิภาวะของเด็กแต่ละช่วงวัย ซึ่งเด็กแต่ละช่วงอายุมีความรู้รับผิดชอบชั่วดีต่างกัน การที่ต้องรับโทษจึงต้องแตกต่างกัน ซึ่งกฏหมายได้วางหลักไว้ ดังนี้

เด็กอายุไม่เกิน 10ปี กระทำความผิดทางอาญา เด็กนั้นไม่ต้องรับโทษ เพราะกฏหมายมองว่าเด็กในอายุช่วงดังกล่าวนั้น ยังมีวุฒิภาวะและประสบการณ์ความนึกคิด และความรู้สึกผิดชอบชั่วดีน้อย หรือยังอ่อนต่อโลก และสังคมมาก จึงยังไม่สมควรได้รับการลงโทษ ยังให้โอกาสเด็กในการปรับตัวอยู่ในสังคมต่อไป (ประมวลกฏหมายอาญามาตรา73)

เด็กอายุเกิน10ปี แต่ไม่เกิน15ปี กระทำความผิดนั้น ทั้งนี้อาจไม่ต้องรับโทษก็เป็นได้ แต่ศาลอาจว่ากล่าวตักเตือน หรือส่งตัวไปยังสถานฝึกอบรม หรือองค์กรที่ศาลเห็นสมควร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความผิดที่กระทำ และดุลพินิจของศาลท่าน จะเห็นได้ว่าในปัจจุบันเด็ก และเยาวชนในช่วงอายุดังกล่าวจะเริ่มคึกคะนองมากขึ้น ชอบทำตาม คล้อยตามได้ และถูกชังจูงได้ง่ายมาก ซึ่งกระบวนการยุติธรรมที่เห็นนั้นส่วนใหญ่ ส่งเด็กและเยาวชนเข้าอบรมเสมอในปัจจุบัน เพื่อขัดเกลาให้เป็นเยาวชนที่ดีต่อไป

บุคคลที่อายุเกิน15ปี แต่ต่ำกว่า18ปี ได้กระทำความผิด ศาลอาจลดโทษให้กึ่งหนึ่ง หรืออาจใช้วิธีการเดียวกับเด็กอายุเกิน 10 ปี แต่ไม่เกิน 15ปีก็ได้ แล้วแต่กรณีไปโดยขึ้นอยู่กับความร้ายแรง และดุลพินิจศาล โดยปกติแล้วเด็ก และเยาวชนในช่วงอายุดังกล่าวนี้ มักจะหลงผิดได้ง่ายเช่นกัน แต่กฏหมายมองว่าเด็ก และเยาวชนในช่วงอายุดังกล่าวนั้น มีสามัญสำนึกความรับผิดชอบชั่วดีเทียบเท่ากับผู้ใหญ่แล้ว จึงเห็นควรลงโทษให้เทียบเท่าผู้ใหญ่ แต่ลดโทษให้เป็นกรณีไปตามความผิดที่เกิดขึ้นเท่านั้น
เด็กกระทำความผิดก่อให้เกิดความเสียหายใครต้องรับผิดชอบ?
ความรับผิดในทางแพ่ง คือการชดใช้ค่าเสียหายที่เป็นทั้งตัวเงิน และไม่ใช่ตัวเงิน จริงอยู่แม้เด็กที่กระทำผิดจะไม่ต้องรับโทษทางอาญา แต่อาจต้องมีความรับผิดในฐานะเป็นผู้กระทำละเมิดตามประมวลกฏหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 ที่บัญญัติว่า "ผู้ใดจงใจ หรือประมาทเลินเล่อทำต่อบุคคลอื่นโดยผิด กฏหมาย ให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพก็ดี ทรัพย์สิน หรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่านว่าผู้นั้นทำละเมิด จำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น"

ส่วนบิดามารดา หรือผู้ปกครองจะต้องรับผิดร่วมกับเด็กนั้นด้วย ตามประมวลกฏหมายแพ่ง และพาณิชย์มาตรา 429 ที่บัญญัติว่า "บุคคลใดแม้ไร้ความสามารถเพราะเหตุเป็นผู้เยาว์ หรือวิกลจริตก็ยังต้องรับผิด ในผลที่ตนทำละเมิด บิดามารดา หรือผู้อนุบาลของบุคคลเช่นว่านี้ย่อมต้องรับผิดร่วมกับเขาด้วย เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลซึ่งทำอยู่นั้น" (คำพิพากษาที่ 13789/2555 คำพิพากษาที่ 9774/2544)

ดังนั้น การที่เด็กและเยาวชน หากได้กระทำความผิดทางอาญา แม้จะไม่ต้องรับโทษอาญาตามกฏหมาย แต่ยังต้องรับผิดในทางแพ่ง และบิดามารดา หรือผู้ปกครองจะต้องร่วมรับผิดกับเด็กด้วย เว้นแต่จะใช้ความระมัดระวังในการดูแลเด็กแล้ว จึงเป็นอุทาหรณ์ให้บิดามารดาหรือผู้ปกครองเด็กทั้งหลายที่จะต้องระมัดระวังดูแลเด็กในการปกครองของตนเป็นอย่างดี เพราะมิฉะนั้น จะต้องเป็นคดีความทั้งในทางแพ่งและทางอาญาได้ :สำนักงานกฎหมายประชาธรรม ทนายอิศรา เจริญพิทยา , ผู้ช่วยทนายดวงทิพย์ หังใจดี 084-7046529 099-7450205

วันศุกร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2561

ใช้เช็คยังไงไม่ติดคุก

เมษายน 20, 2561 0


ปัจจุบันหลายคนมักใช้เช็คเงินสดในการชำระค่าสินค้า หรือชำระหนี้ โดยเหตุผลแต่ละคนที่ใช้นั้นก็แตกต่างกันไป
รู้หรือไม่ว่า หากเราสั่งจ่ายเช็คให้ใครไปเพื่อชำระหนี้ หรือค่าสินค้า หากธนาคารปฏิเสธการจ่าย หรือที่บ้านๆเรียกกันว่าเช็คเด้ง นั้นจะมีความผิดทางอาญา ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจาการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๕๓๔  มาตรา ๔ ที่บัญญัติว่า ผู้ใดออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายโดยมีลักษณะหรือมีการก ระทำอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ 
           (๑) เจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น
           (๒) ในขณะที่ออกเช็คนั้นไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้ 
 
           (๓) ให้ใช้เงินมีจำนวนสูงกว่าจำนวนเงินที่มีอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้ใ นขณะที่ออกเช็คนั้น 
           (๔) ถอนเงินทั้งหมดหรือแต่บางส่วนออกจากบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินตามเช็คจนจำนวน เงินเหลือไม่เพียงพอที่จะใช้เงินตามเช็คนั้นได้  
           (๕) ห้ามธนาคารมิให้ใช้เงินตามเช็คนั้นโดยเจตนาทุจริต 
        เมื่อได้มีการยื่นเช็คเพื่อให้ใช้เงินโดยชอบด้วยกฎหมาย  ถ้าธนาคารปฏิเสธไม่ใช้เงินตามเช็คนั้น ผู้ออกเช็คมีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินหกหมื่นบาทหรือจำคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือทั้งปรับทั้งจำ

ง่ายๆคือ ถ้าเช็คนั้นสั่งจ่ายเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริง และสามารถบังคับได้ตามกฎหมาย ก็จะถือว่ามีความผิดทันที โดยมีโทษปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือจำคุกไม่เกินหนึ่งปี

แต่ระวังกลโกงของนักเล่นเช็ค ปัจจุบันมีผู้เสียหายหลายคนที่พอได้รับเช็คมาเพื่อชำระหนี้แล้วมักจะไว้วางใจว่า หากเช็คเด้งขึ้นมาก็สามารถที่จะเอาผิดกับคู่กรณีทางอาญาได้ คือ เอาคนที่สั่งจ่ายเช็คเข้าคุกได้นั่นเอง ซึ่งกลโกงเหล่านี้มีหลายรูปแบบ ยกตัวอย่างเช่น

1 ตีเช็คเพื่อค้ำประกันการชำระหนี้ หรือสินค้า คือ ถ้าผู้สั่งจ่ายเช็ค ให้เช็คมาโดยกำหนดว่าเช็คนี้ออกเพื่อค้ำประกันการชำระหนี้ เช็คฉบับนี้จะไ่ม่ถือว่ามีความผิดทางอาญาทันที เนื่องจากเช็คฉบับนี้มีเจตนาค้ำประกัน มิได้ชำระหนี้ จึงไม่เข้าองค์ประกอบความผิดตาม พรบ.เช็คฯ

2 ออกเช็คชำระเงินให้สูงกว่าที่กำหนดในสัญญา เช่น นาย ก กู้ยืมเงินจาก นาย ข จำนวน 1 ล้านบาท โดย นาย ก บอกกับนาย ข ว่า จะให้ดอกเบี้ย 2 แสนบาท และจะเขียนเช็คเงินสดไว้ให้เลยจำนวน 1  ล้าน 2 แสนบาท เช่นนี้ ยังไงนาย ข ก็ต้องให้นาย ก กู้ยืมเงินอยู่แล้วเนีื่องจากได้ดอกเบี้ยที่สูง อีกทั้งยังได้เช็คมาอีก หากเช็คเด้งก็สามารถที่จะดำเนินคดีอาญานำนาย ก เข้าคุก
     กรณีแบบนี้ เช็คฉบับดังกล่าวจะไม่สามารถเอาผิดทางอาญาได้เลย เนื่องจากว่าเป็นการเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด เมื่อดอกเบี้ยผิดกฎหมายส่งผลให้เช็คไม่สามารถบังคับชำระได้ตามกฎหมายจึงไม่เข้าองค์ประกอบความผิดของ พรบ.เช็ค

และยังมีอีกหลากหลายกรณี ซึ่งบุคคลเหล่านี้มักจะมาในรูปแบบที่จะเกลี้ยกล่อมและอธิบายให้เราฟังว่า ถ้าเช็คเด้งไปฟ้องได้เลย ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้เงิน 
ดังนั้น การจะรับเช็คเพื่อรับชำระหนี้จากใครนั้นก็ดูให้ดีก่อน ตรวจสอบให้ละเอียดถี่ถ้วนให้แน่ใจว่าจะได้รับเงินจริงๆ


รับปรึกษากฎหมาย 
สำนักงานกฎหมายทนายประชาธรรม
ทนายอิศรา เจริญพิทยา
0847046529 , 0997450205

credit pic : http://srisunglaw.com

วันพฤหัสบดีที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2561

รับมรดกคู่สมรสที่เป็นคนต่างชาติ

เมษายน 19, 2561 1

การรับมรดกคู่สมรสที่เป็นคนต่างชาติ

ในปัจจุบันคนไทยหลายคนมีคู่สมรสเป็นคนต่างชาติ ไม่ว่าทั้งชายหรือหญิง ในช่วงตอนที่คู่สมรสยังมีชีวิตอยู่นั้นก็ช่างแสนราบรื่นและสวยงาม
แล้วถ้าคู่สมรสที่เป็นคนต่างชาติเสียชีวิตลงล่ะ ใครจะเป็นผู้มีสิทธิรับมรดก เราซึ่งเป็นคู่สมรสจะรับมรดกได้หรือไม่ ต้องทำอย่างไรบ้าง

เราต้องแบ่งแยกเป็น 2 กรณี
1 คู่สมรสเสียชีวิตที่ประเทศไทย กรณีนี้ต้องยื่นคำร้องขอจัดการมรดกที่ศาลประเทศไทย หลังจากที่ศาลมีคำสั่งแต่งตั้งผู้จัดการมรดกแล้วก็สามารถนำคำสั่งศาลไปจัดการมรดกได้ ส่วนทรัพย์สินของคู่สมรสที่ไม่ได้อยู่ในประเทศไทยต้องดำเนินเรื่องที่ประเทศสัญชาติของคู่สมรส
2 คู่สมรสเสียชีวิตที่ต่างประเทศ กรณีนี้ต้องดำเนินการจัดการมรดกที่ประเทศสัญชาติของคู่สมรส แต่ถ้ามีทรัพย์สินอยู่ที่ประเทศไทย ก็ต้องยื่นคำร้องขอจัดการมรดกที่ศาลประเทศไทย

ผู้ที่จะมีสิทธิรับมรดกนั้น ถ้าได้ทำการจดทะเบียนสมรสอย่างถูกต้องตามกฎหมาย คู่สมรสก็มีสิทธิได้รับมรดก ถ้าในกรณีประเทศไทย แบ่งลำดับขั้นการรับมรดกดังนี้
1 บุตร ,คู่สมรส
2 บิดา มารดา
3 พี่น้องร่วมบิดามารดา
4 พี่น้องต่างบิดามารดา
5 ป้า น้า อา ลุง
6 ปู่ ย่า ตา ยาย
ในกรณีต่างประเทศ ต้องดูกฎหมายของประเทศนั้นๆ แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว ทุกประเทศกำหนดให้คู่สมรสกับุตรมีสิทธิได้รับมรดกลำดับแรก

ติดปัญหาในการรับมรดกติดต่อ
สำนักงานกฎหมายทนายประชาธรรม
ทนายอิศรา เจริญพิทยา
0847046529 , 097450205

นายจ้างหักเงินลูกจ้างระวังคุก

เมษายน 19, 2561 0

เชื่อว่าในสถานประกอบกิจการต่างๆ ลูกจ้างคงจะโดนหักเงินจากนายจ้างไม่ใช่น้อยรึไหม..... ซึ่งจริงๆแล้วตามกฎหมายแรงงาน ห้ามนายจ้างหักเงินลูกจ้างสุ่มสี่สุ่มห้า  ซึ่งในกฎหมายแรงงานได้กำหนดไว้แล้วว่านายจ้างหักเงินลูกจ้างอะไรได้บ้าง แ ละหักอะไรไม่ได้บ้าง

ในพ.ร.บ คุ้มครองแรงงานมาตรา 76 ระบุว่า ห้ามมิให้นายจ้างหักค่าจ้างนายจ้างจะหักค่าจ้างได้ในกรณีดังต่อไปนี้
1. หักภาษีหรือชำระเงินอื่นๆที่กฎหมายกำหนด
2. หักค่าสหภาพ
3. ชำระหนี้สหกรณ์
4. หักเงินประกันบางประเภท หรือหักค่าเสียหายโดยลูกจ้างต้องยินยอม
5. หักเงินสะสม

ดังนั้นโดยหลัำแล้ว นายจ้างจะหักเงินเดือนไม่ได้ ยกเว้นลูกจ้างยินยอมให้หัก  ลูกจ้างท่านใดที่โดนหักเงินสามารถร้องเรียนได้ที่กรมแรงงาน หรือปรึกษากระผม ทนายอิศรา เจริญพิทยา หากนายจ้างยังฝ่าฝืนหักเงินลูกจ้างมีโทษจำคุก 6 เดือน ปรับ 1 แสนบาท ตามมาตรา 144  ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องดูรายละเอียดอื่นๆไปด้วยนะครับ

สำนักงานกฎหมายทนายประชาธรรม

ทนายอิศรา เจริญพิทยา ติดต่อ 084 7046529  099 7450205

วันเสาร์ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2561

สาดน้ำในวันสงกรานต์สุ่มสี่สุ่มห้าระวังคุก

เมษายน 14, 2561 0

ถึงแม้จะเป็นเทศกาลสาดน้ำเล่นน้ำสงกรานต์ที่มีมายาวนานแล้ว แต่กฎหมายก็ไม่ได้จะยกเว้นโทษให้ กรณีที่มีการทำความผิด
การสาดน้ำใส่คนที่เค้าไม่เล่นสงกรานต์ เช่น งานบางอย่างเค้าไม่ได้หยุด แล้วพนักงานกำลังไปทำงาน แต่โดนสาดน้ำใส่จนได้รับความเสียหาย กรณีนี้ ผู้เสียหายอาจดำเนินคดีผู้ที่สาดน้ำใส่ได้
การสาดน้ำใส่คนอื่น อาจโดนได้หลายข้อหาเลย เช่น ทำร้ายร่างกาย มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ  เคยมีคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9244/2553 พิพากษาว่า สาดเหล้าใส่หน้าคนอื่น มีความผิดฐานทำร้ายร่างกาย
หรือสาดน้ำใส่คนอื่น ทำให้ทรัพย์สินเค้าเสียหาย ยิ่งยุคนี้ใช้ไอโฟนกัน โดนน้ำนิดเดียวก็เสียหายได้ หากทำทรัพย์สินของคนอื่นเสียหาย ก็อาจเจอข้อหาทำให้เสียทรัพย์ ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เป็นต้น
นอกจากนั้น อาจมีข้อหาอื่นๆ อีกซึ่งคงต้องดูเป็นกรณีไป ดังนั้น ก่อนจะสาดใคร ดูให้ดีก่อนว่าเค้าเล่นด้วยรึเปล่า ไม่ใช่จะเอามันส์อย่างเดียว ถ้าผู้เสียหายเค้าเอาเรื่อง เราอาจจะตกเป็นผู้ต้องหาได้
ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 358  ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ ซึ่งทรัพย์ของผู้อื่นหรือผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย ผู้นั้นกระทำความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 391 ผู้ใดใช้กำลังทำร้ายผู้อื่นโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือนหรือปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

ติดต่อ สำนักงานกฎหมายทนายประชาธรรม ทนายอิศรา 099-7450205 084-7046529