วันศุกร์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2561

ถ้าพนักงานอัยการสั่งไม่ฟ้อง ต้องทำอย่างไร !!

  
  การสั่งฟ้องคดีของอัยการ
เมื่อพนักงานสอบสวนทำสำนวนเสร็จแล้วจะทำความเห็นควรสั่งฟ้องหรือไม่ควรฟ้องส่งให้พนักงานอัยการ ซึ่งพนักงานอัยการจะใช้ดุลยพินิจว่าจะฟ้องหรือไม่ฟ้องผู้ต้องหาต่อศาล
  หลักการฟ้องคดีของพนักงานอัยการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
เมื่อพนักงานอัยการได้รับสำนวนจากพนักงานสอบสวนแล้วให้ดำเนินการดังต่อไปนี้
มาตรา 143 “เมื่อได้รับความเห็นและสำนวนจากพนักงานสอบสวน ดั่งกล่าวใน มาตราก่อน ให้พนักงานอัยการปฏิบัติดั่งต่อไปนี้
(1) ในกรณีที่มีความเห็นควรสั่งไม่ฟ้อง ให้ออกคำสั่งไม่ฟ้อง แต่ ถ้าไม่เห็นชอบด้วย ก็ให้สั่งฟ้องและแจ้งให้พนักงานสอบสวนส่งผู้ต้องหา มาเพื่อฟ้องต่อไป
(2) ในกรณีมีความเห็นควรสั่งฟ้อง ให้ออกคำสั่งฟ้องและฟ้อง ผู้ต้องหาต่อศาล ถ้าไม่เห็นชอบด้วย ก็ให้สั่งไม่ฟ้อง
ในกรณีหนึ่งกรณีใดข้างต้น พนักงานอัยการมีอำนาจ
(ก) สั่งตามที่เห็นควร ให้พนักงานสอบสวนดำเนินการสอบสวน เพิ่มเติม หรือส่งพยานคนใดมาให้ซักถามเพื่อสั่งต่อไป
(ข) วินิจฉัยว่าควรปล่อยผู้ต้องหา ปล่อยชั่วคราว ควบคุมไว้ หรือขอให้ศาลขัง แล้วแต่กรณี และจัดการหรือสั่งการให้เป็นไปตามนั้น
ในคดีฆาตกรรม ซึ่งผู้ตายถูกเจ้าพนักงานซึ่งอ้างว่าปฏิบัติ ราชการตามหน้าที่ฆ่าตาย หรือตายในระหว่างอยู่ในความควบคุม ของเจ้าพนักงานซึ่งอ้างว่าปฏิบัติราชการตามหน้าที่ อธิบดีกรมอัยการ หรือผู้รักษาการแทนเท่านั้นมีอำนาจออกคำสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้อง”

   จะเห็นว่าพนักงานอัยการหลังจากได้รับสำนวนมาจากพนักงานสอบสวนแล้ว จะมีความเห็นสั่งฟ้องหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของพนักงานอัยการ โดยพินิจจากสำนวนว่า พยานหลักฐานต่างๆเพียงพอที่จะดำเนินคดีหรือไม่ ซึ่งอำนาจในการสั่งฟ้องเป็นของพนักงานอัยการผู้เดียว พนักงานสอบสวนมีแต่เพียงความเห็นเท่านั้น 
   ในคดีอาญาเรื่องใดแม้จะปรากฏข้อเท็จจริงว่าผู้ต้องหากระทำความผิดจริงและให้การรับสารภาพ มีพยานหลักฐานชัดเจน พนักงานอัยการก็อาจใช้ดุลพินิจสั่งไม่ฟ้องได้ ซึ่งเป็นตามหลักการดำเนินคดีอาญาตามดุลพินิจ หากเห็นว่าการสั่งฟ้องคดีนั้นจะไม่เป็นประโยชน์ของสาธารณะชน เช่น คดีลักซาลาเปา

ในกรณีที่พนักงานอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้อง ตาม ป.วิอาญา มาตรา 145 บัญญัติไว้ว่า
ในกรณีที่อัยการมีคำสั่งไม่ฟ้อง
1) หากคดีนั้นเป็นคำสั่งไม่ฟ้องขอ
งอัยการสูงสุด ถือว่าคำสั่งนั้นเป็นที่สุด
2) หากคำสั่งไม่ฟ้องนั้นไม่ใช่คำสั่งของอัยการสูงสุด จัดการดังต่อไปนี้
1.ในกรุงเทพมหานคร ให้รีบส่งสำนวนการสอบสวน พร้อมกับคำสั่งไปเสนออธิบดีกรมตำรวจ รองอธิบดีกรมตำรวจ หรือ ผู้ช่วยอธิบดีกรมตำรวจ (ปัจจุบันคือตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ)
2. ในต่างจังหวัด ให้รีบส่งสำนวนการสอบสวน พร้อมกับคำสั่งไปเสนอผู้ว่าราชการจังหวัด
หากมีความเห็นแย้งคำสั่งไม่ฟ้องของพนักงานอัยการ
และหากบัญชาการตำรวจแห่งชาติ... หรือผู้ว่าราชการจังหวัด เห็นแย้งคำสั่งของพนักงานอัยการ ให้ส่งสำนวนพร้อมกับความเห็นที่แย้งกันไปยังอัยการสูงสุดเพื่อชี้ขาด


ทนายอิศรา เจริญพิทยา
084-7046529

2 ความคิดเห็น:

  1. ท่านครับแล้วอัยการและตำรวจเป็นญาติและพวกพ้องล่ะครับ แล้วคู่กรณีเป็นผู้มีอิทธิพล ตำรวจลงความเห็นไม่ฟ้องเรื่องถึงอัยการก็สั่งไม่ฟ้อง ตัวผมเองก็ไม่มีเงินที่จะฟ้องเองจะทำอย่างไรได้บ้างครับ

    ตอบลบ
  2. ผมมีความเดือดร้อนที่จะขอคำปรึกษาครับ
    เรื่องรถแบคโฮถูกโกง คือผมทำงานรับเหมาช่วงต่อจากคู่กรณี แล้วคู่กรณีอ้างว่างานที่ผมรับช่วงนั้นขาดทุนล้านกว่าบาท(ที่จริงขอเอกสารตรวจสอบแล้วยอดที่เป็นหนี้จริง ประมาณ สี่แสนบาท ครับส่วนที่เกินมาเป็นการใส่เพิ่มมาโดยเจตนาให้ยอดสูงเพื่อเป็นข้ออ้างและรายละเอียดได้ส่งให้ ตำรวจแล้ว) แล้วส่งคนที่เป็นเพื่อนของคู่กรณีมาพูดหว่านล้อมว่าคู่กรณีมีงานรับเหมาอีกงานหนึ่งที่จะให้ผมทำเพื่อใช้หนี้ โดยให้ผมเซ็นต์โอนลอยทะเบียนรถให้เพื่อเป็นหลักประกันงานต่อไป ต่อมาคู่กรณีเอาทะเบียนไปโอนเป็นชื่อของเขาโดยไม่ไดแจ้งให้ผมทราบ และต่อมาได้อ้างว่าเป็นเจ้าของรถมาขโมยรถที่จอดอยู่หน้างานไปใว้ในครอบครอง ผมไปที่หน้างานที่ๆรถจอดอยู่เพื่อจะนำรถไปทำงานปกติแต่ปรากฎว่ารถแบคโฮได้หายไป สอบถามบ้านที่จอดฝากไว้เขาบอกว่าเจ้าของเขามาเอา ผมจึงเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจว่ามีคนอ้างว่าเป็นเจ้าของรถมาเอาไป เมื่อ 2 สิงหาคม ปี60 และตำรวจก็สอบสวนผมเสร็จแล้ว แต่คู่กรณีก็เรียกมาพูดคุยตามปกติโดยไม่ได้ตั้งข้อหาอะไร ผมก็พยายามติดต่อเพื่อขอรถคืนจากคู่กรณีตลอดมา จนวันที่ 25 สิงหาคม ปี61 คู่กรณีได้ฆ่าตัวเองตายภายในห้องนอนของตัวเองที่บ้าน ตำรวจโทรฯมาแจ้งให้ผมทราบหลังจากตำรวจได้รับใบมรณะบัตรจากญาติของผู้ตาย
    แล้ว พนส.ได้เรียกผมไปเพื่อให้การเพิ่มเติมแล้วสรุปสำนวนส่งให้อัยการ แล้วมีความเห็นว่าไม่ฟ้องคืนรถให้ผู้ถือกรรมสิทธิ ก็คือคืนรถของผมให้กับคู่กรณี แล้วผมจะทำอย่างไรต่อครับฟ้องแพ่งเองเพื่อคัดค้านทายาทมรดกเองใช่มั้ยครับ แล้วผมไม่มีรายได้หลังจากรถถูกโกงไปเป็นปีกว่าผมไม่มีรายได้ตลอดปีกว่าต้องมาทำงานรับจ้างไปวันๆ แล้วผมไม่มีเงินที่จะวางเพื่อฟ้องแพ่งที่จะทวงเอารถคืนมาจากคู่กรณี เขามีทั้งเงินทั้งอัยการและตำรวจและอิทธิพลในพื้นที่แล้วผมควรจะทำอย่างไรต่อไปครับ ขอปรึกษาท่านผู้มีความรู้และบารมีด้วยครับขอความเป็นธรรมแก่ผมด้วย

    ตอบลบ