มาตรา 28 บุคคลเหล่านี้มีอำนาจฟ้องคดีอาญาต่อศาล
(1) พนักงานอัยการ
(2) ผู้เสียหาย
จากมาตรา 28 จะเห็นได้ว่า บุคคลที่มีอำนาจฟ้องคดีอาญาต่อศาลได้มี 2 ประเภท คือ พนักงานอัยการและผู้เสียหายเท่านั้น แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยมีหลักการดำเนินคดีตามหลักการการดำเนินคดีอาญาโดยรัฐ (State Prosecution) และการดำเนินคดีอาญาโดยเอกชนผู้เสียหาย (Private Prosecution) โดยที่ไม่มีการจำกัดประเภทคดีที่ผู้เสียหายมีอำนาจฟ้อง ผู้เสียหายมีอำนาจฟ้องคดีอาญาทุกคดีที่ตนเป็นผู้เสียหาย แต่การดำเนินคดีอาญาโดยหลักแล้วเป็นอำนาจและหน้าที่ของรัฐ โดยเฉพาะการดำเนินคดีอาญาในชั้นศาล ที่พนักงานอัยการมีอำนาจร้องขอให้ศาลสั่งให้ผู้เสียหายที่เป็นโจทก์ร่วมยุติการกระทำที่จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อคดีได้ ตาม มาตรา 32 เมื่อพนักงานอัยการและผู้เสียหายเป็นโจทก์ร่วมกัน ถ้าพนักงานอัยการเห็นว่าผู้เสียหายจะกระทำให้คดีของอัยการเสียหายโดยกระทำหรือละเว้นกระทำการใด ๆ ในกระบวนพิจารณา พนักงานอัยการมีอำนาจร้องต่อศาลให้สั่งผู้เสียหายกระทำหรือละเว้นกระทำการนั้น ๆ ได้
ดังนั้นครูปรีชาและทนายความของครูปรีชาจึงสามารถฟ้องคดีได้เอง โดยที่ไม่ต้องผ่านตำรวจและอัยการแต่ะอย่างใด ดังนั้นประชาชนที่เป็นผู้เสียหายก็สามารถฟ้องคดีได้เอง ศาลจะกำหนดวันนัดไต่สวนมูลฟ้อง ว่าคดีที่ประชาชนผู้เสียหายนำมาฟ้องนั้นมีมูลหรือไม่
สำนักงานกฎหมายทนายประชาธรรม เครดิตรูปภาพ จากข่าวสด
ติดต่อ ทนายอิศรา เจริญพิยา 099 7450205 084 7046529
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น